ภูมิปัญญาชาวบ้าน
14:38 |
ภูมิ ปัญญา ชาว บ้าน
หมาย ถึง ความ รู้ ของ ชาว บ้าน ซึ่ง เรียน รู้ มา จาก ปู่
ย่า ตา ยาย ญาติ พี่ น้อง และ ความ เฉลียว ฉลาด ของ แต่ ละ คน หรือ ผู้ มี ความ รู้ ใน หมู่ บ้าน ใน ท้อง ถิ่น ต่าง ๆ ภูมิ ปัญญา ชาว บ้าน เป็น เรื่อง การ ทำ มา หา กิน เช่น
การ จับ ปลา การ จับ สัตว์ การ ปลูก พืช การ เลี้ยง สัตว์
การ ทอ ผ้า การ ทำเครื่องมือ การ เกษตร
ภูมิ ปัญญา เหล่า นี้ เป็น ความ รู้ ความ สามารถ ที่ บรรพบุรุษ ได้ สร้าง สรรค์ และ ถ่าย ทอด มา ให้เ รา มี วิธี การ หลาย อย่าง ที่ ทำ ให้ ความ รู้ เหล่า นี้ เกิด ประ โยชน์ แก่ สังคม ปัจจุบัน
ภูมิ
การอยู่ร่วมกันในสังคม
14:34 |
การอยู่ร่วมกันในสังคม
การอยู่ร่วมกันในชุมชนดั้งเดิมนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้องไม่กี่ตระกูล ซึ่งได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาอยู่ หรือสืบทอดบรรพบุรุษจนนับญาติกันได้ทั้งชุมชน มีคนเฒ่าคนแก่ที่ชาวบ้านเคารพนับถือเป็นผู้นำ หน้าที่ของผู้นำไม่ใช่การสั่ง แต่เป็นผู้ที่ให้คำแนะนำปรึกษา มีความแม่นยำในกฏระเบียบประเพณีการดำเนินชีวิต ตัดสินไกล่เกลี่ยหากเกิดความขัดแย้ง ช่วยกันแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้น
ปัญหาในชุมชนก็มีไม่น้อย ปัญหาการทำมาหากิน
ฝนแล้ง น้ำท่วม โรคระบาด โจรลักวัวควาย เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีปัญหาความขัดแย้งภายในชุมชนหรือระหว่างชุมชนการละเมิดกฎหมายประเพณี ส่วนใหญ่จะเป็นการ
"ผิดผี" คือ ผีของบรรพบุรุษ ผู้ซึ่งได้สร้างกฎเกณฑ์ต่าง
ๆ ไว้ เฃ่น กรณีที่ชายหนุ่มถูกเนื้อต้องตัวหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน เป็นต้น
ชาวบ้านอยู่อย่างพึ่งพาอาศัยกัน ยามเจ็บไข้ได้ป่วย ยามเกิดอุบัติเหตุเภทภัย ยามที่โจรขโมยวัวควายข้าวของ การช่วยเหลือกันทำงานที่เรียกว่า การลงแขก ทั้งแรงกายแรงใจที่มีอยู่ก็จะช่วยเหลือเอื้ออาทรกัน การแลกเปลี่ยนสิ่งของ
อาหารการกิน และอื่น ๆ จึงเกี่ยวข้องกับวิถีของชุมชน ชาวบ้านช่วยกันเก็บเกี่ยว
สร้างบ้าน หรืองานอื่นที่ต้องการคนมาก ๆ เพื่อจะได้เสร็จโดยเร็ว ไม่มีการจ้าง
ในชุมชนต่าง ๆ จะมีผู้มีความรู้ความสามารถหลากหลาย บางคนเก่งทางรักษาโรค
บางคนทางการเพาะพืช บางคนทางการเลี้ยงสัตว์ บางคนทางด้านดนตรีการละเล่น บางคนเก่งทางด้านพิธีกรรม คนเหล่านี้ต่างก็ใช้ความสามารถเพื่อประโยชน์ของชุมชน โดยไม่ถือเป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทน อย่างมากก็มี
"ค่าครู" แต่เพียงเล็กน้อย ซึ่งปกติแล้ว เงินจำนวนนั้นก็ใช้สำหรับเครื่องมือประกอบพิธีกรรม หรือเพื่อทำบุญที่วัดมากกว่าที่หมอยาหรือบุคคลผู้นั้นจะเก็บไว้ใช้เอง เพราะแท้ที่จริงแล้ว
"วิชา" ที่ครูถ่ายทอดมาให้ลูกศิษย์จะต้องนำไปใช้เพื่อประโยชน์แก่สังคม ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว การตอบแทนจึงไม่ใช่เงินหรือสิ่งของเสมอไปแต่เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันโดยวิธีการต่าง ๆ
ภูมิปัญญาชาวบ้านในสังคมปัจุบัน
14:27 |
ภูมิ ปัญญา ชาว บ้าน ใน สังคม ปัจจุบัน
ภูมิ ปัญญา ชาว บ้าน ได้ ก่อ เกิด และ สืบ ทอด กัน มา ใน ชุม ชน หมู่ บ้าน เมื่อ หมู่ บ้าน เปลี่ยน แปลง ไป พร้อมกับสังคม สมัย ใหม่ ภูมิ ปัญญา ชาว บ้าน ก็ มี การ ปรับ ตัว เช่น เดียว กัน
ความ รู้ จำนวน มาก ได้ สูญ หาย ไป เพราะ ไม่ มี การ ปฏิบัติ สืบ ทอด เช่น การ รักษา พื้น บ้าน บาง อย่าง การ ใช้ ยา สมุน ไพร บาง ชนิด เพราะ หมอ ยา เก่ง ๆ
ได้ เสีย ชีวิต โดย ไม่ ได้ ถ่าย ทอด ให้กับคน อื่น หรือ ถ่าย ทอด แต่ คน ต่อ มา ไม่ ได้ ปฏิบัติ เพราะ ชาว บ้าน ไม่ นิยม เหมือน สมัย ก่อน ใช้ ยา สมัย ใหม่ และ ไป หา หมอ ที่ โรง พยาบาล หรือ คลินิก ง่า ยก ว่า งาน หัตถกรรม ทอ ผ้า หรือเครื่องเงิน เครื่องเขิน แม้ จะ ยัง เหลือ อยู่ ไม่ น้อย แต่ ก็ ได้ ถูก พัฒนา ไป เป็น การ ค้า ไม่ สามารถ รักษา คุณภาพ และ ผี มือ แบบ ดั้งเดิมไว้ ได้ ใน การ ทำ มา หา กิน มี การ ใช้ เทคโนโลยี ทัน สมัย ใช้ รถ ไถ นา แทน ควาย รถ อีแต๋นแทน เกวียน
การ ลง แขก ทำ นา ปลูก ข้าว และ ปลูกสราง บ้าน เรือน ก็ เกือบ จะ หมด ไป มี การ จ้าง งาน มาก ขึ้น แรง งาน ก็ หา ยาก กว่า แต่ ก่อน ผู้ คน อพยพ ย้าย ถิ่น บ้าง ก็ เข้า เมือง บ้าง ก็ ไป ทำ งาน ที่ อื่น สังคม สมัย ใหม่ มี ระบบ การ ศึกษา ใน โรง เรียน มี อนามัย และ โรง พยาบาล มี โรง หนัง วิทยุ โทร ทัศน์ และเครื่องบันเทิง ต่างๆ ทำ ให้ ชีวิต ทางสังคม ของ ชุม ชน หมู่ บ้าน เปลี่ยน ไป มี ตำรวจ มี โรง ศาล มี เจ้า หน้า ที่ ราช การ ฝ่าย ปก ครอง ฝ่าย พัฒนา และ อื่น เข้า ไป ใน หมู่ บ้าน บท บาท ของ วัด พระ สงฆ์ คน เฒ่า คน แก่ เริ่ม ลด น้อย ลง ลง ไป
การ ทำ มา หา กิน ก็ เปลี่ยน จาก การ ทำ เพื่อ ยัง ชีพ ไป เป็น การ ผลิต เพื่อ การ ขาย ผู้ คน ต้อง การ เงิน เพื่อ ซื้อเครื่องบ ริ โภค ต่าง ๆ ทำ ให้ สิ่ง แวด ล้อม เปลี่ยน ไป ผล ผลิต จาก ป่า ก็ หมด สถาน การณ์ เช่น นี้ ทำ ให้ ผู้ นำ การ พัฒนา หลาย คน ที่ มี บท บาท สำคัญ ใน ระดับ จังหวัด ระดับ ภาค และ ระดับ ประเทศ เริ่ม เห็น ความ สำคัญ ของ ภูมิ ปัญญา ชาว บ้าน หน่วย งาน ทางภาค รัฐ และ เอกชน ให้ การ สนับสนุน และ การ ส่ง เสริม ให้ มี การ อนุรักษ์
ฟื้น ฟู ประยุกต์ และ ค้น คิด สิ่ง ใหม่ ความ รู้ ใหม่ เพื่อ ประ โยชน์ สุข ของ สังคม
การทำมาหากิน
14:09 |
การทำมาหากิน
แม้วิถีชีวิตของชาวบ้านเมื่อก่อนจะดูเรียบง่ายกว่าทุกวันนี้ และยังอาศัยธรรมชาติและแรงงานเป็นหลักในการทำมาหากิน แต่พวกเขาก็ต้องใช้สติปัญญาที่บรรพบุรุษถ่ายทอดมาให้เพื่อจะได้อยู่รอด ทั้งนี้เพราะปัญหาต่าง
ๆ ในอดีตก็ยังมีไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อครอบครัวมีสมาชิกมากขึ้น จำเป็นต้องขยายที่ทำกิน ต้องหักร้างถางพง บุกเบิกพื้นที่ทำกินใหม่ การปรับพื้นที่ปั้นคันนาเพื่อทำนาซึ่งเป็นงานที่หนัก การทำไร่ทำนา ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์และดูแลรักษาให้เติบโตและได้ผล เป็นงานที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถ การจับปลาล่าสัตว์ก็มีวิธีการ บางคนมีความสามารถมาก รู้ว่าเวลาไหนที่ใดและวิธีใดจะจับปลาได้ดีที่สุด คนที่ไม่เก่งก็ต้องใช้เวลานานและได้ปลาน้อย การล่าสัตว์ก็เช่นเดียวกัน
การจัดการแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ก็เป็นความรู้ความสามารถที่มีมาแต่โบราณ คนทางภาคเหนือรู้จักบริหารน้ำเพื่อการเกษตรและเพื่อการบริโภคต่างๆ โดยการจัดระบบหมืองฝายมีการจัดแบ่งปันน้ำกันตามระบบประเพณีที่สืบทอดกันมา มีหัวหน้าที่ทุกคนยอมรับ มีคณะกรรมการจัดสรรน้ำตามสัดส่วนและตามพื้นที่ทำกิน นับเป็นความรู้ที่ทำให้ชุมชนต่างๆ ที่อาศัยอยู่ใกล้ลำน้ำ ไม่ว่าต้นน้ำหรือปลายน้ำ ได้รับการแบ่งปันน้ำอย่างยุติธรรม ทุกคนได้ประโยชน์และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ชาวบ้านรู้จักการแปรรูปผลิตผลในหลายรูปแบบ การถนอมอาหารให้กินได้นาน การดองการหมัก
เช่น ปลาร้า น้ำปลา ผักดอง ปลาเค็ม เนื้อเค็ม
ปลาแห้ง เนื้อแห้ง การแปรรูปข้าวก็ทำได้มากมายนับร้อยชนิด เช่น
ขนมต่าง ๆ แต่ละพิธีกรรมและแต่ละงานบุญประเพณี มีข้าวและขนมในรูปแบบไม่ซ้ำกัน ตั้งแต่ขนมจีน
สังขยา ไปถึงขนมในงานสารท กาละแม ขนมครก และอื่น ๆ ซึ่งยังพอมีให้เห็นอยู่จำนวนหนึ่ง ในปัจจุบันส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนมาเป็นการผลิตเพื่อขาย หรือเป็นอุตสากรรมในครัวเรือน
ความรู้เรื่องการปรุงอาหารก็มีอยู่มากมายแต่ละท้องถิ่นมีรูปแบบและรสชาติแตกต่างกันไปมีมากมายนับร้อยนับพันชนิด แม้ในชีวิตประจำวันจะมีเพียงไม่กี่อย่าง แต่โอกาสงานพิธี
งานเลี้ยง งานฉลองสำคัญ จะมีการจัดเตรียมอาหารอย่างดีและพิถีพิถัน
การทำมาหากินในประเพณีเดิมนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ การเตรียมอาหาร
การจัดขนมและผลไม้ ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อให้รับประทานและอร่อย แต่ให้ได้ความสวยงาม ทำให้สามารถสัมผัสกับอาหารนั้นไม่เพียงแต่ทางปากและรสชาติของลิ้น แต่ทางตาและทางใจ การเตรียมอาหารนั้นเป็นงานศิลปะที่ปรุงแต่งด้วยความตั้งใจ ใช้เวลา
ผีมือ และความรู้ความสามารถ
ชาวบ้านสมัยก่อนส่วนใหญ่จะทำนาเป็นหลักเพราะเมื่อมีข้าวแล้วก็สบายใจ อย่างอื่นพอหาได้จากธรรมชาติ เสร็จหน้านาก็จะทำงานหัตถกรรม การทอผ้า
ทำเสื่อ เลี้ยงไหม เลี้ยงไหม ทำเครื่องมือสำหรับจับสัตว์
เครื่องมือการเกษตร และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็น หรือเตรียมพื้นที่เพื่อการทำนาครั้งต่อไป
หัตถกรรมเป็นทรัพย์สินและมรดกทางภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของบรรพบุรุษเพราะเป็นสื่อที่ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก
ความคิด ความเชื่อและคุณค่าต่าง ๆ ที่สั่งสมมาแต่นมนาน
ลายผ้าไหม ผ้าฝ้าย ฝีมือในการทออย่างประณีต รูปแบบเครื่องมือที่สานด้วยไม้ไผ่ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยต่าง
ๆ เครื่องดนตรี เครื่องเล่น สิ่งเหล่านี้ได้ถูกบรรจงสร้างขึ้นมาเพื่อใช้สอย การทำบุญหรือการอุทิศให้ใครคนหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อการค้าขาย
ชาวบ้านทำมาหากินเพียงเพื่อการยังชีพ ไม่ได้ทำเพื่อขาย มีการนำผลิตผลส่วนหนึ่งไปแลกสิ่งของที่จำเป็นที่ตนเองไม่มี เช่น
นำข้าวไปแลกเกลือ พริก ปลา ไก่ หรือเสื้อผ้า การขายผลิตผลมีเพียงส่วนน้อย และเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อเสียภาษีให้รัฐ ชาวบ้านนำผลิตผล
เช่น ข้าว ไปขายในเมืองให้กับพ่อค้าหรือขายให้กับพ่อท้องถิ่นเช่นทางภาคอีสาน เรียกว่า "นายฮ้อย" คนเหล่านี้จะนำผลผลิตบางอย่างเช่น ข้าว
ปลาร้า วัว ควาย ไปขายในที่ไกล ๆ ทางภาคเหนือมีพ่อค้าวัวต่าง
ๆ เป็นต้น
แม้ว่าความรู้เรื่องการค้าขายของคนสมัยก่อนไม่อาจจะนำมาใช้ในระบบตลาดเช่นปัจจุบันได้ เพราะสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแต่การค้าที่มีจริยธรรมของพ่อค้าในอดีต ที่ไม่ได้หวังแต่เพียงกำไร แต่คำนึงถึงการช่วยเหลือแบ่งปันเป็นหลัก ยังมีคุณค่าสำหรับปัจจุบัน
นอกนั้น ในหลายพื้นที่ในชนบท ระบบการแลกเปลี่ยนสิ่งของยังมีอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ยากจนซึ่งชาวบ้านไม่มีเงินสด แต่มีผลิตผลต่างๆ ระบบการแลกเปลี่ยนไม่ได้ยึดหลักมาตราชั่งวัดหรือการตีราคาของสิ่งของ แต่แลกเปลี่ยนโดยการคำนึงถึงสถานการณ์ของผู้แลกทั้งสองฝ่ายคนที่เอาปลาหรือไก่มาของแลกข้าว อาจจะได้ข้าวเป็นถังเพราะเจ้าของข้าวคำนึงถึงความจำเป็นของครอบครัวเจ้าของไก่ ถ้าตีราคาเป็นเงินข้าวหนึ่งถังย่อมมีค่าสูงกว่าไก่หนึ่งตัว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)